วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หุ้นคืออะไร


หุ้นคืออะไรกันหนอ
Stock_Gift_Pixหลายคนมองเห็นตัวเลขเขียวแดง ที่ไหลไปมาบนหน้าจอแล้วอาจมึนบ้าง ผมก็เป็น และเข้าใจผิดไปว่านี่มันคือสูตรคณิตศาสตร์ หรือเกมอะไรซักอย่างหรือเปล่าเนี่ย? จริงๆ แล้วหุ้นมันมีความหมายที่ง่ายกว่านั้นครับ
ความหมายที่แท้จริงของ หุ้น ก็คือคือ ความเป็นเจ้าของ แล้วเจ้าของอะไรล่ะ? ก็คือเจ้าของอะไรก็ได้ครับที่เราสามารถเป็นเจ้าของได้ ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ รถยนต์ ที่แคะหู แปรงสีฟัน สากเบือและเรือรบ รวมไปถึง “บริษัท” ที่เป็นผู้ผลิตสินค้าและบริการต่างๆ
ว่ากันให้ง่ายขึ้นอีก ก็คือของทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ที่เราครอบครองได้ สามารเป็น หุ้น ได้ทั้งหมดเลยล่ะ!
หุ้นคือความเป็นเจ้าของแล้วไง? มีอะไรพิเศษ?
ความพิเศษของหุ้น ก็คือ การที่เราสามารถแบ่ง “ความเป็นเจ้าของ” ได้ไงครับ
เอาง่ายๆ เราต้องการจะซื้อขนมถุงนึงราคา 100.- โดยหุ้นกับเพื่อนออกตังค์คนละครึ่ง เรากับเพื่อนก็จะกลายเป็น “หุ้นส่วนขนมถุงนี้” และมีสิทธิ์ในขนมถุงนั้นกันคนละครึ่ง ซึ่งเราจะทำอะไรกับขนมที่เราเป็นเจ้าของก็ได้ จะกินซะ หรือจะเอาไปขายต่อ ก็ย่อมได้ เพราะเราคือเจ้าของไง!
สิทธิในการทำอะไรกับของที่เราหุ้นอยู่ มันก็อยู่ที่เรา และการตกลงใช้คุณสมบัติของสิ่งของชิ้นนั้นๆ นั่นเอง
แล้วถ้าเราเป็นหุ้นส่วนของบริษัทล่ะ? ใช่แล้วครับ เราก็จะได้สิทธิ์ในการควบคุมบริษัทนั้นๆ ได้ตามใจชอบนั่นเอง
บริษัทคืออะไร? ทำไมต้องไปเป็นเจ้าของด้วย?
ถ้าจะพูดกันแบบซิมเปิ้ลๆ ที่สุด นะครับ บริษัท ก็คือ บุคคลสมมติที่เป็นผู้ผลิตสินค้าและบริการต่างๆ เพื่อนำไปขายทำกำไรนั่นเอง ไม่ต่างจากการที่เราหุ่นกับเพื่อนแล้วเปิดร้านขายของซักเท่าไหร่
เพียงแต่บริษัทนั้น จะเป็นการสร้าง “บุคคลสมมุติ” จากกลุ่มคนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป (หรือที่เรียกกันว่า นิติบุคคล นั่นแหละ) ซึ่งคนๆ นี้ หรือบริษัทนี้ จะสามารถทำทุกสิ่งอย่างได้คล้ายกับคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสิ่งของและเป็นเจ้าของสิ่งต่างๆ หรือจะไปจ้างใครทำอะไรก็ย่อมได้
โดยใช้เงินในบัญชีของบริษัทเองแบบไม่ต้องกังวลว่าจะติดหนี้จนไม่สามารถชำระได้แต่อย่างไร
เพราะจุดเด่นสุดยอดของ เจ้าคน (บริษัท) นี่ก็คือ บริษัทๆ นี้ไม่สามารถเสียหายด้านจำนวนเงิน ได้เกินกว่าที่กำหนดไว้ตอนตั้งบริษัทบริษัทนั่นเอง!
shutterstock_108076214
ลองยกตัวอย่างง่ายๆ สมมุติเรากับเพื่อน 5 คนตั้งนิติบุคคล ที่ชื่อบริษัทดุ๊กดิ๊ก จำกัด ขึ้นมา /เห็นไหมว่าต้องมีคำว่า “จำกัด” ต่อท้ายทุกบริษัท เพราะมันจำกัดความเสียหายเอาไว้ไง
โดยกำหนดให้บริษัทดุ๊กดิ๊กนี้ มีเงินในกระเป๋าสตางค์เป็นของตัวเอง จำนวน 1 ล้านบาท เท่ากับทั้งห้าคนลงเงินเป็นหุ้นให้บริษัทคนละ 200,000 บาท ทำให้ทั้งห้าคนนี้มีสิทธิ์ในความเป็นเจ้าของบริษัทเท่ากัน โดยบริษัทนี้สามารถนำเงิน 1 ล้านนี้ไปใช้ทำอะไรก็ได้ ตามแต่ที่ได้รับการยินยอมจากเจ้าของทั้งห้านั่นเอง
และสมมุติอีกว่าในขณะที่ถ้าบริษัทนี้ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ไม่เอาไปทำให้เกิดกำไรแก่บริษัท แถมยังบริหารห่วยจนบริษัทติดหนี้ จำนวนเงินที่ต้องชำระได้ทั้งหมดก็เท่ากับ 1 ล้านบาทตามที่ตั้งต้นเอาไว้เท่านั้นครับ ไม่มีการลามไปยังเงินส่วนตัวของผู้ก่อตั้งทั้ง 5 ใดๆ
นี่แหละความหมายและข้อดีของการเป็นบริษัท ก็เพราะมันจะช่วยเป็น ตัวแทนในการทำเรื่องต่างๆ พร้อมกันชน ให้กับเจ้าของนั่นเอง สบายไปเล้ย
ดังนั้นการซื้อหุ้นก็คือการเข้าเป็นเจ้าของบริษัทนั่นเอง
ที่ผมเอ่ยถึงบริษัทมายืดยาว นั่นก็เพื่อเน้นย้ำว่า “หุ้น” นั้นก็คือการเป็นเจ้าของบริษัท ซึ่ง ผู้ถือหุ้น ก็คือผู้ควบคุมบริษัท ซึ่งเป็นบุคคลสมมุติที่ทำธุรกิจต่างๆ อีกทอดหนึ่งนั่นแหละครับ ;) เพียงแต่สิทธิ์ในการควบคุมบริษัทนั้น จะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับจำนวนของหุ้นที่เราถือครับ
ดังนั้นต่อจากนี้หารเราคิดถึงคำว่า “หุ้น” ทุกครั้ง เราต้องไม่มองเพียงแค่มันคือตัวเลขที่วิ่งขึ้นๆ ลงๆ เขียวๆ แดงๆ บนหน้าจอ แต่ควรมองมันให้เป็นความเป็นเจ้าของบริษัททุกครั้ง
และแน่นอนว่าถ้าเราคิดจะเข้าเป็นหุ้นส่วนของบริษัทนั้นๆ แล้วล่ะก็ เราก็คงอยากจะรู้จักว่าบริษัทนั้นๆ ทำอะไรอยู่ และประสบความสำเร็จ รวมถึงเก่งในการสร้างกำไรมากแค่ไหนไปด้วย จริงไหมเอ่ย?
ซึ่งพอเราเข้าไปเป็นหุ้นส่วนในบริษัทนั้นๆ แล้ว เราก็ย่อมต้องการติดตามผลการทำงาน รวมถึงควบคุมวิธีการทำงานต่างๆ ของบริษัทนั้นๆ อย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
ยกเว้นว่าเราจะเชื่อใจคนที่เข้ามาทำหน้าที่ในการบริหารบริษัทนั้นๆ มากพอ (ซึ่งเราก็ต้องตื้นลึกหนาบางของคนนั้นที่มาเป็นผู้บริหารมากด้วยไง) เราก็สามารถทิ้งให้เขาหรือเธอควบคุมบริษัท และทำให้มันเติบโตได้ โดยที่เราไม่ต้องยุ่งเกี่ยว ซึ่งถ้าบริษัทเติบโต สร้างกำไรได้มากพอ เราก็จะมีสิทธิ์ได้รับ “ผลตอบแทน” ที่เรียกว่าเงินปันผล จากบริษัทนั้น ได้ในที่สุด
นี่แหละครับความหมายที่ซิมเปิ้ลที่สุดของความเป็นหุ้น และความเป็นบริษัทล่ะ!
คราวหน้าผมจะมาว่ากันต่อในเรื่องของการซื้อขาย สิทธิ์ในการเป็นเจ้าของบริษัท ด้วยหนึ่งในนวัตกรรมที่เจ๋งที่สุดของมนุษยชาติ นั่นก็คือ “ตลาดหุ้น” กันนะครับ
ครดิต :  http://www.keepyouass.com/what-stock-mean/